Tech&Tips



การทำกรอบภาพแบบ Halftone

1.เปิดภาพที่ต้องการทำกรอบขึ้นมา ดับเบิ้ลคลิ๊กที่คำว่า Background  บน Layer ของภาพ แล้วก็กด Enter เพื่อปลดล็อค Layer
2.จากนั้นคลิ๊กที่ปุ่ม Edit in Quick Mask Mode  แล้วเลือกเครื่องมือRectangular Marquee Tool  เพื่อเลือกบริเวณที่จะทำกรอบ



 3. ต่อจากนั้นก็กด Ctrl+Delete เพื่อเทสีดำลงไป แต่เพราะเราทำงานใน Quick Mask Mode จึงแสดงผลออกมาเป็นสีแดง 
 ( ตำแหน่งของสีต้องเป็นแบบนี้นะครับ  ) แล้วกด Ctrl+D เพื่อยกเลิกSelection 

 

4. จากนั้น ไปที่Menubar เลือก Filter > Pixelate > Colour Halftone แล้วปรับค่าต่างๆตามภาพ (ค่า Max. Radius ถ้าปรับมากกว่านี้ จะทำให้ขนาดของวงกลมที่ขอบ ใหญ่และกว้างมากขึ้น)

 


 


 5. จากนั้นคลิ๊กที่ปุ่ม Edit in Standard Mode  เราก็จะได้พื้นที่ Selectionแล้วก็กด Delete เพื่อลบส่วนที่ไม่ต้องการออก เราก็จะได้ภาพที่มีกรอบสไตล์Halftone แล้ว







วิธีทำภาพ 3 มิติแบบง่ายๆ 

1. สร้าง New Document ขึ้นมา 1 ชิ้น ขนาด 400x300 pixels

 

2. จากนั้นก็เลือกสีโดยการคลิ๊กที่ แล้วใส่รหัสสีลงไป ใช้สีอื่นก็ได้นะครับแต่ต้องเข้ม 1 สี อ่อน 1 สี

3. ต่อไปก็คลิ๊กที่แถบเมนูด้านบน เลือก Filter > Render > Clouds จากนั้นก็เลือกFilter > Render > Difference Clouds จะได้ภาพดังนี้


ถ้าได้ออกมาเป็นสีแปลกๆ ให้กด Ctrl + f ซ้ำเรื่อยๆก็จาหาย (แล้วแต่ Version ของPhotoshop)

4. จากนั้นก็คลิ๊กที่แถบเมนูด้านบน เลือก Filter > Stylize > Extrude... แล้วปรับค่าตามรูป


Type มี 2 แบบ 1. Blocks จะให้ผลแบบนี้ 2. Pyramids จะให้ผลแบบนี้
Size คือความกว้างของผิวหน้า
Depth คือ ความลึกของวัตถุ 1. Random จะเป็นแบบลึก 2. Level-based จะเป็นแบบตื้น
Solid Front Faces คือ ผิวหน้าของวัตถุจะเป็นสีเดียวกับแท่งวัตถุ
Mask Incomplete Blocks คือ การตัดวัตถุที่เกินกรอบของงานออกไปอัตโนมัติ

5.จะได้รูปออกมาแบบนี้ สามารถนำไปปรับแต่งเพื่อใช้ประกอบงานอื่นๆได้อีก 









การสร้างโลโก้ ด้วยตัวเอง




1. คลิกเข้าที่เว็บ http://cooltext.com/ และทำตามขั้นตอนดังรูปได้เลย

สามารถเลือกรูปแบบโลโก้ได้ตามที่ต้องการ เมื่อเลือกได้แล้วคลิกที่รูปได้เลย




2. หลังจากได้รูปแบบที่ต้องการแล้ว สามารถทำการแก้ไขข้อมูลได้ ตามตัวอย่างในรูปภาพ


3. เมื่อคลิก Render Logo Design แล้ว จะปรากฎรูปโลโก้ที่ได้ทำการแก้ไข หลังจากนั้นคลิก Download Image แล้วทำการ Save ไว้ที่เครื่องได้เลย


1.1 ใส่ Keyword ใน Title ของหน้าเว็บการใส่ keywords ใน title นี้จะช่วยทำให้ Search Engine ต่างๆ รู้ว่า เว็บเราทำเรื่องเกี่ยวกับอะไร 

1.2 การใส่ Key Word 
ที่ต้องการในส่วนด้านบนของเว็บไซต์และการเน้นด้วยตัวหนาใส่ keywords ที่เราต้องการให้ระบบของ google จับไปว่า เว็บไซต์ของเราทำเรื่องเกี่ยวกับอะไรนั้น ก็ควรใส่ keywords นั้นๆ เป็นตัวหนา เป็น head1 head2 
1.3 หลีกเลี่ยงการออกแบบเว็บไซต์ด้วย Flash หรือรูปภาพเยอะ Search Engine ต่างๆ จะอ่านไม่ออกนะเพราะ Search engine มันอ่านได้แต่ตัวอักษรหรือ html ปกติเท่านั้น
1.4 หลีกเลี่ยงใช้ออกแบบเว็บไซต์ด้วยเฟรม
1.5 ใช้ keyword ที่บริเวณ ลิงค์เชื่อมโยงมาตรฐาน (Standard Text Link) การใช้ Text link เป็นตัวเชื่อมโยง แล้วแทรก Keyword ผสมเข้าไปด้วย
1.6 ควรตั้งชื่อไฟล์รูปภาพ และใส่คำอธิบายให้กับภาพการตั้งชื่อไฟล์รูปภาพ 

1.7 จด Domain name ด้วย Keywordการใช้ Keyword หลักของเว็บในการจด Domain name
1.8 เรียก Robot เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์

เราสามารถเรียก robot ของ google ให้เข้ามาเยี่ยมชมที่เว็บไซต์เราได้โดย เข้าไปที่ http://www.google.com/addurl/ เพื่อ add ชื่อเว็บไซต์ของเรา เพื่อให้ google เข้าไปเก็บข้อมูลและเนื้อหาของเราและใส่เว็บไซต์ของเราลงไปในฐานข้อมูลของ google
1.9 แลกลิงค์กับเว็บไซต์อื่นๆ1.10 ทำ Site Map ให้กับเว็บไซต์ของคุณ เมื่อระบบของ google วิ่งมาในเว็บไซต์เราแล้ว รู้ว่า ควรจะไปทางไหน เหมือนกับเป็นแผนที่นำทาง พา google ไปเยี่ยมชมเว็บไซต์เราให้ครบทุกจุด




2.สร้าง Hyperlink Dreamweaver


สร้างลิงค์ในเว็บไซต์เดียวกัน
เป็นการสร้างลิงค์หากันในเว็บไซต์เดียวกัน จากเว็บเพจหนึ่งไปอีกเว็บเพจหนี่ง ขั้นตอนการสร้างมีขั้นตอนดังนี้
1.เปิดหน้าเอกสารที่ต้องการสร้างลิงค์ ใน Dreaweaver
2.เลือกตัวอักษร หรือรูปภาพ ที่ต้องการให้เป็นลิงค์ จากนั้นไปที่สัญลักษณ์ตามภาพ

                           

 3.จะมีหน้าต่างขึ้นมาดังรูป 






 3.1 ช่อง Text คือคำที่เราเลือกไว้ให้เป็นลิงค์
 3.2 ช่อง link คือ ไฟล์ที่เราต้องการลิงค์ไป โดยการคลิกที่รูป folder สีเหลืองด้านหลัง 

  ไฟล์ที่ลิงค์ไปจะเป็นเว็บเพจ ไฟล์รูป หรือเป็นไฟล์อะไรก็ได้ที่อยู่ใน local root folder
 3.3 ช่อง Target มีรายละเอียดดังนี้
       1.target='_blank' เป็นคำสั่งให้เปิด link ในหน้าใหม่

       2.target='_parent' เป็นคำสั่งให้เปิด link ในหน้าเดิม (ถ้าไม่เลือกจะเป็นค่านี้อัตโนมัติ)
       3.target='_self' เป็นคำสั่งให้เปิด link ใน frame ปัจจุบัน (อ่านรายละเอียดในหัวข้อเรื่อง frame)
       4.target='_top'เป็นคำสั่งให้เปิด link ทับหน้าเดิมทั้งหมด ซึ่งจะปิด frame ทั้งหมดเช่นเดียวกัน (อ่านรายละเอียดในหัวข้อเรื่อง frame)
4.คลิกโอเคก็จะสร้างลิงค์เรียบร้อย


สำหรับผู้ที่ทำเว็บเพจการใช้ counter ฟรีที่มีให้บริการตามที่ต่าง ๆ
ก็ดูสวยดี แต่หากต้องการที่จะทำการนับจำนวนผู้ที่เข้าชมเว็บเพจของเรา
ในแต่ละหน้าแยกจำนวนออกจากกันจะทำอย่างไร พอดีไปเจอ CGI ทำ
counter แบบง่ายๆ และเห็นว่าน่าใช้งานดีเลยถือโอกาสนี้นำมาฝากกัน
ก็สำหรับผู้ที่ใช้โฮสต์แบบที่รองรับ CGI เช่น Hypermart.net เท่านั้น
โดยได้นำมาจาก http://www.utilmind.com ซึ่งมีความสามารถพิเศษ
คือเป็นcounter แบบตัวเลขที่ทำงานโดยการเรียกCGI โดยไม่ต้องระบุอะไร
โปรแกรมจะทำการตรวจสอบชื่อของไฟล์ html ที่เรียกและสร้างฐานข้อมูล
สำหรับการนับ พร้อมทั้งแสดงผลเป็นตัวเลขได้ทันที ดูตัวอย่างการทำงานได้
จากการนับจำนวนผู้เข้าชมในแต่ละหน้าที่ด้านล่างขวามือ  การใช้งานและ
ติดตั้งก็ง่ายมากๆ โดยทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
1. ดาวน์โหลด source code และทำการunzip เก็บไว้ในโฟล์เดอร์
 /cgi-bin/counter/
2. ไฟล์ข้างในจะประกอบด้วย
counter.cgi คือไฟล์ที่เป็น cgi สำหรับรัน
counter.txt คือไฟล์สำหรับเก็บข้อมูลการนับ
index.html คือตัวอย่างการใส่code สำหรับการเรียกcounter.cgi
3. ทำการupload ทั้งหมดไปเก็บไว้ที่Server ของhypermart โดยใช้
FTP Program
4. ไฟล์ counter.cgi ขณะที่ Upload ต้องเลือก mode แบบ
ASCII ด้วยและเปลี่ยน mode เป็น 755 ก่อน
5. ที่หน้าเว็บเพจไหน หากต้องการทำการนับจำนวนให้หาที่ว่างๆ
 ใส่ code นี้ลงไป
จำนวนผู้เข้าชม
<!--#include virtual="/cgi-bin/counter/counter.cgi"--> ครั้ง
หรือดูตัวอย่างจากไฟล์ index.html ที่ดาวน์โหลดไปก็ได้
6. ตรวจสอบใน source code ของไฟล์ html ก่อนนะครับว่าไม่มี
สัญญลักษณ์ต่างๆ ปะปนอยู่ด้วย
7. หลังจากนั้นโปรแกรมจะทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อมีผู้เรียกดูหน้าเว็บเพจ
โดยที่เราไม่ต้องระบุชื่อไฟล์ html เลย
8. สามารถตรวจสอบจำนวนของ counter ได้โดยการเรียกดูไฟล์
/cgi-bin/counter/counter.txt


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น